ปัจจุบัน LCD-TV กำลังได้รับความนิยมเพิ่มชึ้นเป็นอย่างมาก ประกอบกับการที่มีราคาที่ถูกลง ทำให้เกิดมีคำถามเกี่ยวกับวิธีเลือกซื้อ LCD-TV ขึ้นมามากมาย ดังนั้นเพื่อให้คุ้มค่ากับเงินที่จะจ่ายไป เรามาลองศึกษากันดูว่าจะมีวิธีเลือกซื้อ LCD-TV อย่างไรให้ถูกใจคุณ
เพื่อที่จะได้ LCD-TV ตรงตามวัตถุประสงค์ในการใช้งานของคุณ ขอให้พิจารณาสิ่งต่างๆต่อไปนี้ เพื่อประกอบการตัดสินใจ
ขนาดหน้าจอ มีหน่วยเป็นนิ้ว เป็นการวัดเส้นทแยงมุมของจอ การเลือกว่าจะใช้จอขนาดเท่าไรให้ดูที่ระยะการรับชมเป็นหลัก ระยะการรับชมที่เหมาะสมสำหรับจอ 22 นิ้ว อยู่ที่ประมาณ 1.2 เมตร เป็นอย่างน้อย ถ้าจอใหญ่กว่านี้ 2 เท่า ระยะการรับชมที่เหมาะสมจะเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าด้วย และจะเป็นสัดส่วนเช่นเดียวกันนี้กับทุกขนาดจอ ไม่ว่าคุณจะมีห้องใหญ่ซักแค่ไหนแต่ถ้าคุณชอบที่จะนั่งดู TV อยู่ใกล้ๆจอก็ไม่ควรเลือกใช้จอที่ใหญ่จนเกินไป เพราะมันอาจจะส่งผลเสียต่อสายตาของคุณในระยะยาวได้
ความละเอียดของหน้าจอ (resolution)
คือจำนวนจุดภาพ(pixel) บนจอ ตัวเลขที่ระบุไว้ในสเป็ค เช่น 1080p(full HD),1080i หรือ 720p นั้น ไม่ได้หมายความถึงความละเีอียดของหน้าจอโดยตรง แต่หมายถึงเส้นสแกน(line)ของจอ เช่น ถ้าเป็นจอ full HD (1080p) ก็จะมีความละเอียดของหน้าจอ เท่ากับ 1080(เส้น ในแนวตั้ง)*1920(จุด ในแนวนอน) หรือประมาณ 2ล้านจุด ซึ่งถ้าเป็น 720p ก็จะมีความละเอียดของหน้าจอเท่ากับ 720*1280 หรือประมาณเกือบๆ 1ล้านจุด
คือจำนวนจุดภาพ(pixel) บนจอ ตัวเลขที่ระบุไว้ในสเป็ค เช่น 1080p(full HD),1080i หรือ 720p นั้น ไม่ได้หมายความถึงความละเีอียดของหน้าจอโดยตรง แต่หมายถึงเส้นสแกน(line)ของจอ เช่น ถ้าเป็นจอ full HD (1080p) ก็จะมีความละเอียดของหน้าจอ เท่ากับ 1080(เส้น ในแนวตั้ง)*1920(จุด ในแนวนอน) หรือประมาณ 2ล้านจุด ซึ่งถ้าเป็น 720p ก็จะมีความละเอียดของหน้าจอเท่ากับ 720*1280 หรือประมาณเกือบๆ 1ล้านจุด
สิ่งที่คำนึงถึงอีกอย่างก็คือ ที่ความละเอียดเท่ากัน จอที่มีขนาดใหญ่กว่า ก็จะมีจุดภาพ(pixel)ใหญ่ขึ้นตามไปด้วย ทำให้ภาพดูหยาบเมื่อดูในระยะห่างเท่ากัน แต่ก็ไม่เป็นปัญหามากนัก เพราะเมื่อใช้จอใหญ่ขึ้นระยะการรับชมก็มักจะเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วยเช่นกัน
ส่วนการที่จะเลือกว่าควรจะซื้อ LCD-TV ที่มีความละเอียดหน้าจอเท่าไรนั้น ก็ต้องดูว่าคุณใช้เครื่องเล่นประเภทไหน ถ้า่เป็น Blu-ray ก็ใช้ full HD (1080p)ได้เลย แต่ถ้าเป็น DVD ก็ใช้แค่ 720p หรือ HD ready ก็พอ
การที่ LCD-TV มี response time ช้าหรือมีค่ามาก จะทำให้เกิดอาการ ภาพเก่ากับภาพใหม่ทับซ้อนกัน ซึ่งถ้าหากเป็นภาพนิ่งหรือมีการเคลื่อนไหวช้า ก็จะไม่เห็นถึงความผิดปกติ แต่ถ้าหากเป็นการเคลื่อนไหวที่เร็วๆแล้ว จะทำให้เห็นเงาของภาพเดิมซ้อนขึ้นมา แบบที่เรียกว่า ghost
ในการเลือกซื้อ ก็ขอให้เลือกตัวที่มีค่านี้ต่ำๆ อย่างมากไม่ควรเกิน 5 ms.
contrast ratio
contrast สูง(มาก) contrast ต่ำ(น้อย)
มักจะบอกเอาไว้ลอยๆโดยไม่มีหน่วยวัด เช่น 5,000:1(ห้าพัน ต่อ หนึ่ง) หรือ 10,000:1 ซึ่งหมายถึง "อัตราส่วนของ ความแตกต่างของส่วน หรือจุด ที่สว่างสุดกับมืดสุด" ของภาพบนจอ กล่าวคือ จุดที่สว่างที่สุดมีความสว่างมากกว่าจุดที่มืดสุด 5,000 เท่า หรือ 10,000 เท่า ซึ่งถ้าหากมีค่านื้มากก็จะทำให้ภาพที่ได้ ดูลึก มีมิติสมจริง
นอกจากนี้ ยังมีสเป็คอีกตัว ที่เรียกว่า dynamic contrast ratio ซึ่งถึงแม้จะมีความหมายที่คล้ายกัน แต่มีความสามารถไม่เท่ากัน
dynamic contrast ratio
เป็นลูกเล่นอย่างนึงของผู้ผลิด LCD-TV เพื่อให้ได้มาซึ่ง ค่า contrast ratio ที่สูงมาก ด้วยวิธีการปรับความสว่างที่ back light กล่าวคือ ถ้าเป็นภาพมืดๆ เช่น ฉากกลางคืนหรือในอุโมงค์ก็ทำการลดแสงแบ็คไลท์ลง แต่ถ้าเป็นภาพสว่างๆ อย่างตอนกลางวันก็เพิ่มแบ็คไลท์ขึ้น ถ้าหากแบ็คไลท์สามารถเพิ่มลดแสงได้ด้วยสัดส่วน 10:1 และจอมี contrast ratio=1,000:1 แล้วละก็ จะได้ค่า dynamic contrast ratio สูงถึง 10*1000= 10,000:1 เลยทีเดียว จะเห็นได้ว่าถีงแม้จะมีค่าคอนทราสท์ สูงขนาดนี้ก็ตาม แต่ความสามารถที่แท้จริงมีแค่ 1,000:1 เท่านั้น ทำให้ภาพที่ได้สู้จอที่มีค่า contrast ratio เพืยงแค่1,500:1 หรือ 2,000:1 ไม่ได้ ในแง่ของมิติความลึกของภาพ
เวลาซื้อ LCD-TV ก็ดูให้ดีก่อนว่าเป็น contrast แบบไหน
ส่วนการที่จะเลือกว่าควรจะซื้อ LCD-TV ที่มีความละเอียดหน้าจอเท่าไรนั้น ก็ต้องดูว่าคุณใช้เครื่องเล่นประเภทไหน ถ้า่เป็น Blu-ray ก็ใช้ full HD (1080p)ได้เลย แต่ถ้าเป็น DVD ก็ใช้แค่ 720p หรือ HD ready ก็พอ
response time
ค่านี้ยิ่งน้อยยิ่งดี สำหรับ LCD-TV แล้วมันหมายถึง ช่วงเวลาที่แต่ละ จุดภาพ(pixel) ใช้ในการ"ลบ"ภาพที่แสดงอยู่เดิมออกก่อนที่จะแสดงภาพใหม่ลงไป
หลักการแสดงภาพของ LCD-TV โดยเฉพาะที่เป็นแบบ progressive* นั้น ก็เหมือนกับการเขียนหนังสือ คือ เริ่มแสดงจุดแรกที่มุมซ้ายบน แล้วจึงสแกนทีละจุดจากซ้ายไปขวาจนครบเส้น แล้วทำแบบนี้ต่อทีละเส้น จากบนลงล่างจนครบเป็นหนึ่งภาพ ซึ่งถ้าเป็นระบบ 100Hz ก็จะสแกน 100 ภาพใน 1 วินาที ค่านี้ยิ่งน้อยยิ่งดี สำหรับ LCD-TV แล้วมันหมายถึง ช่วงเวลาที่แต่ละ จุดภาพ(pixel) ใช้ในการ"ลบ"ภาพที่แสดงอยู่เดิมออกก่อนที่จะแสดงภาพใหม่ลงไป
การที่ LCD-TV มี response time ช้าหรือมีค่ามาก จะทำให้เกิดอาการ ภาพเก่ากับภาพใหม่ทับซ้อนกัน ซึ่งถ้าหากเป็นภาพนิ่งหรือมีการเคลื่อนไหวช้า ก็จะไม่เห็นถึงความผิดปกติ แต่ถ้าหากเป็นการเคลื่อนไหวที่เร็วๆแล้ว จะทำให้เห็นเงาของภาพเดิมซ้อนขึ้นมา แบบที่เรียกว่า ghost
ในการเลือกซื้อ ก็ขอให้เลือกตัวที่มีค่านี้ต่ำๆ อย่างมากไม่ควรเกิน 5 ms.
contrast ratio
contrast สูง(มาก) contrast ต่ำ(น้อย)
มักจะบอกเอาไว้ลอยๆโดยไม่มีหน่วยวัด เช่น 5,000:1(ห้าพัน ต่อ หนึ่ง) หรือ 10,000:1 ซึ่งหมายถึง "อัตราส่วนของ ความแตกต่างของส่วน หรือจุด ที่สว่างสุดกับมืดสุด" ของภาพบนจอ กล่าวคือ จุดที่สว่างที่สุดมีความสว่างมากกว่าจุดที่มืดสุด 5,000 เท่า หรือ 10,000 เท่า ซึ่งถ้าหากมีค่านื้มากก็จะทำให้ภาพที่ได้ ดูลึก มีมิติสมจริง
นอกจากนี้ ยังมีสเป็คอีกตัว ที่เรียกว่า dynamic contrast ratio ซึ่งถึงแม้จะมีความหมายที่คล้ายกัน แต่มีความสามารถไม่เท่ากัน
dynamic contrast ratio
เป็นลูกเล่นอย่างนึงของผู้ผลิด LCD-TV เพื่อให้ได้มาซึ่ง ค่า contrast ratio ที่สูงมาก ด้วยวิธีการปรับความสว่างที่ back light กล่าวคือ ถ้าเป็นภาพมืดๆ เช่น ฉากกลางคืนหรือในอุโมงค์ก็ทำการลดแสงแบ็คไลท์ลง แต่ถ้าเป็นภาพสว่างๆ อย่างตอนกลางวันก็เพิ่มแบ็คไลท์ขึ้น ถ้าหากแบ็คไลท์สามารถเพิ่มลดแสงได้ด้วยสัดส่วน 10:1 และจอมี contrast ratio=1,000:1 แล้วละก็ จะได้ค่า dynamic contrast ratio สูงถึง 10*1000= 10,000:1 เลยทีเดียว จะเห็นได้ว่าถีงแม้จะมีค่าคอนทราสท์ สูงขนาดนี้ก็ตาม แต่ความสามารถที่แท้จริงมีแค่ 1,000:1 เท่านั้น ทำให้ภาพที่ได้สู้จอที่มีค่า contrast ratio เพืยงแค่1,500:1 หรือ 2,000:1 ไม่ได้ ในแง่ของมิติความลึกของภาพ
เวลาซื้อ LCD-TV ก็ดูให้ดีก่อนว่าเป็น contrast แบบไหน
มุมมองในการรับชม
ถ้าปกติการรับชมของคุณ เป็นมุมมองทางด้านหน้าตรงๆ ข้อนี้ก็ไม่สำคัญนัก
ข้อเสียอย่างนึงของ LCD-TV ก็คือ มีมุมมองที่ค่อนข้างแคบเมื่อเทียบกับ plasma-TV เพราะข้อจำกัดทางโครงสร้างนั่นเอง แต่ในปัจจุบัญก็ได้รับการปรับปรุงจนมีมุมมองที่กว้างมากขึ้นจนใกล้เคียงกับ plasma-TV มากแล้ว เช่น samsung UA-40C6200 มีมุมมองการรับชมมากถึง 178 องศาเลยทีเดียว
ในการเลือกซื้อ LCD-TV ก็ขอให้คุณลองสังเกตุมุมมองในหลายๆมุม ทั้งมุมก้ม มุมเงย และมุมมองด้านข้าง ประกอบการตัดสินใจด้วย
ชนิดและจำนวนของ ช่องต่อสัญญาณเข้า
ถ้าหากคุณชื้อ LCD-TV มาสักเครื่องนึงแล้วพบว่า ช่องต่อสัญญาณเข้า เกิดไม่พอใช้ขึ้นมา มันจะทำให้คุณต้องพบกับความยุ่งยากไม่น้อยเลยทีเดียว และกับการถอดเปลี่ยนแจ๊คสัญญาณเข้าออกบ่อยๆ ก็ไม่ใช่ทางเลือกที่ดีนัก เพราะนอกจากจะไม่สะดวกแล้วยังอาจทำให้ขั้วต่อสัญญาณหลุดหลวมเสียหายได้ ดังนั้นจึงควรดูให้มีเพียงพอต่อการใช้งาน และเผื่อการขยายระบบในอนาคตไว้สักหน่อย เช่น
HDMI อย่างน้อย 2 ช่อง
Component 2 ชุด
A/V in 2-3 ชุด
RGB/PC ใช้ต่อแสดงผลจาก คอมพิวเตอร์ ซึ่งหากมีฟังก์ชั่น PIP(picture in picture) หรือ ภาพซ้อนถาพ รวมอยู่ด้วย ก็จะดี
USB ใช้สำหรับแสดงภาพจากกล้อง VDO,กล้องถ่ายภาพดิจิตอล หรือจะใช้เปิดไฟล์ภาพหรือหนังจาก USB flash drive ก็ได้
และในปัจจุบัญ LCD-TV บางรุ่น สามารถต่อ internet ได้แล้ว
dead pixel
เป็นสิ่งที่ต้องระวังเวลาเลือกซื้อ LCD-TV โดยเฉพาะ จอขนาดเล็กที่มีความละเอียดสูง ซึ่งจะทำให้สังเกตุเห็นได้ยาก (แต่จอขนาดใหญ่กลับมีโอกาสที่จะเกิดขึ้นได้มากกว่า)
dead pixel คือบริเวณหรือจุดภาพ(pixel) ที่ผิดปกติหรือเสียหาย ทำให้การแสดงผลไม่ถูกต้อง หรือไม่แสดงผล(ดับ)ไปเลย ดังนั้นเมิ่อคุณตัดสินใจได้แล้วว่าต้องการ LCD-TV ตัวไหน ก็ขอให้พนักงานช่วยลองเครื่องให้ดูก่อน ถ้าหากพบว่าจอมี dead pixel ก็ให้ขอเปลี่ยนเครื่องใหม่ได้เลย
อื่นๆ
อื่นๆ
ยังมีสิ่งที่ต้องดูเพิ่มเติม อีก2-3เรื่อง เช่น ถ้าหากคุณยังดูTVอยู่บ้างเป็นบางครั้ง และยังคงใช้แผงสายอากาศแบบเดิมอยู่แล้วละก็ การมีระบบ noise reduction(ระบบลดทอนสัญญาณรบกวน)ที่ดี ก็จะช่วยได้มาก นอกจากนี้ก็ยังมี ระบบเสียง ซึ่งควรจะให้เสียงที่พอเหมาะกับขนาดของหน้าจอ
ในการเลือกซื้อ LCD-TV คงจะไม่ใช่เรื่องยาก ถ้าหากคุณรู้และเข้าใจในความต้องการของตัวคุณเอง ซึ่งถ้าหากคุณได้วางแผนในการเลือกซื้อ LCD-TV ไว้ดีพอแล้ว ก็จะช่วยให้คุณไม่ต้องเสียเวลา หรือถึงขั้นเสียเงินไปโดยเปล่าประโยชน์
โดยความเป็นจริงแล้วด้วยข้อจำกัดหลายอย่างทำให้ LCD-TV นั้นตองการสื่อที่มีความคมชัดสูงประเภท digital อย่างเช่น Blu-ray มากกว่าสื่ออนาล็อกอย่างพวกฟรีTV เพราะความคมชัดของมันจึงทำให้มองเห็นสัญญาณรบกวนต่างๆได้ชัดเมื่อแสดงผลบนจอ
ดังนั้นหากคุณคิดจะซื้อ LCD-TV เพื่อดูหนังแผ่นก็นับว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง แต่ถ้าคุณชอบดูฟรีTV มากกว่าแล้วละก็ LCD-TV ก็ไม่นับว่าเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
ภาพประกอบจาก
www.screenmath.com /www.astris.com /www.extremetech.com /techspedia.com
/www.avmaster.com /panasonic.ca /www.projectorpeople.com /primcm.com
ภาพประกอบจาก
www.screenmath.com /www.astris.com /www.extremetech.com /techspedia.com
/www.avmaster.com /panasonic.ca /www.projectorpeople.com /primcm.com
/www.lcdtvthailand.com